คำนำ
ผมกำลังเดินอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ที่คนพลุ่งพล่านเดินไปเดินมาจนหนาตาไปหมด ผมที่ขึ้นรถบัสสายนั้นจำใจต้องเดินขาลากจากป้ายรถบัสไปถึงโรงเรียนซึ่งถึงไม่ไกลมาก
เเต่การที่ผมตื่นสายทำให้ต้องขึ้นรถบัสเที่ยวนั้นถึงจะไปโรงเรียนได้ทันเวลาเเต่ถึงอย่างนั้นก็ออกมาไม่ทันจนได้
'ทีหลังจะตั้งนาฬิกาปลุกซักสิบเครื่องไปเลยดีกว่า'
เเต่ช่างเถอะ ยังไงผมก็ไม่ใช่พวกบ้าเรียนขนาดนั้น ไปสายเเละถูกทำโทษสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรผมจึงเดินออกไปจากป้ายรถบัสประจำเมืองที่มีคนอัดกันเป็นปลากระป๋องตรงนั้นเเละรีบเดินไปโรงเรียนให้เร็วที่สุด
รอบๆตัวผมก็มีร้านอาหารเเละผู้คนที่ใส่ชุดทำงานบริษัทยืนต่อ
เเถวกันมากมายหน้าเพื่อสั่งอาหารจานด่วนในตอนเช้าซึ่งเป็นอย่างนี้ตลอดทาง เเละดาบที่แกว่งไปมาในมือของผม
มันเป็นดาบที่ไม่ยาวมากเเละไม่สั้นจนเป็นเเบบมีดในครัวถ้าจะให้ยกตัวอย่างคงยาวประมาณดาบไม้ของไทยสมัยก่อนที่ขายตามตลาดที่เด็กมักจะซื้อไปตีเล่นกันซะมากกว่า เเต่คมกว่ามาก(เเละเเน่นอนว่ามันไม่ใช่ไม้) มีด้านจับเป็นไม้ยาวประมาณ 6ซม มีผ้าสีฟ้าที่พันตัวดาวไว้มิดชิด(พันเเบบดาบของพระเอกในเรื่องbXeachในตอนเเรกๆ)เเละผมก็ถือไว้กับมือตัวเองเเละรีบเดินเพื่อให้ถึงโรงเรียนอย่างเร็วที่สุด 'เดี๋ยวๆ คงไม่คิดว่าผมจะไม่อธิบายเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรอกนะ'
คือผมขอพักเรื่องขอผมไว้สักนิดก่อนเเล้วมาพูดถึงเรื่องของเมืองที่ผมอยู่จะดีกว่า....อืม จะพูดยังไงดี มันก็เป็นเมืองที่สวยงาม
อากาศเเจ่มใส ผู้คนหนาเเน่น เมืองรุ่งเรืองมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ถ้าจะบอกว่าเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบเลยก็ยังได้ เเต่มีสิ่งเดียวที่ทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักมากที่สุดซึ่งเรื่องที่ว่าก็ไม่ใช่อะไรที่กล่าวมาก่อนหน้า สิ่งที่ทำให้คนรู้จักเมืองเเห่งนี้คือ
"อาชญากรรม"
เมืองเเห่งนี้เป็นที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายทุกหัวมุมของเมืองมีอาชญากรรมเกิดขึ้นมากกว่า70% ถ้าเผลอก็อาจตายได้ไม่รู้ตัว ผมที่อยู่ในเมืองเเห่งนี้นั้นรู้ดีถึงอันตรายของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะผมได้สูญเสีย'เเม่'ของผมไปในเมืองเเห่งนี้
มันเป็นเรื่องในวัยเด็กที่ผ่านมาเเล้ว เเละผมไม่อยากเล่าให้เจ็บปวดนักหรอก มาพูดถึงเรื่องที่ผมถือดาบอันเเหลมคมเดินไปมาในเมืองเเละยังไม่ถูกพวกตำรวจจับไปดีกว่า มันเป็นเรื่องหลังจากที่เเม่ตายไปไม่กี่ปี นายกของเมืองเห็นว่าการที่เมืองนี้มีอาชญากรรมสูงถึง80%นั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก นายกผู้ซึ่งเเสนชาญฉลาดของเมืองจึงตั้งกฏหมายของเมืองสุดจะบรรเจิดว่า
'ทุกคนสามารถพกอาวุธติดตัวได้หนึ่งอย่าง'
เเละต้องมาลงทะเบียนอาวุธกับหน่วยงานของเมืองจึงสามารถพกอาวุธได้ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนทุกคนต้องมีอาวุธหนึ่งอย่างไว้ครอบครองเพราะเหตุอาชญากรรมต่างๆผู้เสียหายจะเป็นเด็กนักเรียนซะส่วนใหญ่ นั้นเป็นเหตุผลที่ผมถือดาบเดินไปมาในเมืองได้ ในขณะที่ผมเดินอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงนึงดังขึ้น
"กรี๊ด!"
"อย่าเข้ามานะโว๊ย"
ผมหันไปดูต้นตอของเสียงก็พบเหล่าคนที่กำลังมุงดูบางอย่าง ผมจึงมุดเข้าตรงหน้าสุดของกลุ่มไปดูอย่างสงสัยว่าพวกเขามุงดูอะไรกัน สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือตำรวจสองสามคนที่กำลังจ่อปืนอย่างกล้าๆกลัวๆเข้าไปที่ชายคนนึงที่กำลังล๊อคคอหญิงวัยกลางคนอย่าง
เหนียวเเน่น
"คุณปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะเเละวางอาวุธลงโทษหนักจะได้เป็นเบา"
หนึ่งในตำรวจสวมเครื่องเเบบพูดขึ้นพร้อมกับกำปืนเเน่น
ดูจากทรงขอชายคนนั้นคงไม่ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปง่ายๆเเน่ผมจึง
พยายยามเพ่งมองไปที่หน้าของผู้ชายจึงเห็นว่าหน้าของเขาขาวซีดเเละขอบตาดำอย่างมากท่าจะให้สรุปคงเป็นพวกติดยาที่หนีตำรวจมาเเละจนมุมจึงจับผู้หญิงที่โชคร้ายเป็นตัวประกัน
ชายคนนั้นก็ขยับปืนที่จ่อตรงเเก้มของผู้หญิงดันจนผู้หญิงร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด
"ไม่มีทาง..ไม่ให้จับหรอกอุตส่าห์วิ่งหนีมาถึงนี่ยังไงก็ไม่ให้จับไปง่ายๆหรอก....ยายผู้หญิงนี่ตายเเน่ถ้าเเกเข้ามาอีกก้าวเดียว"พูดจบก็ยิงปืนลงพื้นข้างหน้าของตัวเองยังชี้ปืนกลับมาที่ตำรวจ
"หยุดซะเถอะเเค่เรื่องสารเสพติดของคุณก็มากพอเเล้วจะเพิ่มอีกคดีหรือไง"
'มะเรานี่โคตรฉลาด'ผมค่อยเดินผ่าฝูงชนออกมาเพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องขอผมเเละผมไม่สนใจด้วยผมพยายยามเดินออกมาเพื่อจะไปโรงเรียนเเต่ผมก็หยุดชะงักไปเมื่อมีเด็กมาดึงเเขนเสื้อผม ผมหันไปหาเด็กคนนั้น อายุของเด็กคงราวๆ10ขวบเป็นเด็กผู้ชายตาโตๆ
'โตไปหล่อเเน่ๆเลย'เเละมีน้ำตาที่ซึมออกมา เด็กคนนั้นดึงเเขนเสื้อผมเเละพูดว่า
"พี่ชายช่วยเเม่ผมด้วย"เด็กผู้ชายพูดพลางชี้ไปที่ผู้หญิงที่ถูกจับไว้อยู่
ผมนิ่งเงียบไปซักพักเเละจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าของผม
ชายคนนั้นได้ขยับหลบตำรวจจนหลังไปพิงกับกระจกของร้านกาเเฟด้านหลังของเขา ตำรวจก็ขยับเข้าไปใกล้ๆอีก
"ก็บอกว่าอย่าเข้ามานะโว๊ย!"เขาพูดพร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าไปทีนึงผู้คนที่กำลังดูอยู่ก็รีบหลบตัวด้วยความกลัว
"ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย...ฮือๆ..ฉันยังมีลูกที่ต้องดูเเลอยู่นะ"เธอพูดพร้อมกลับกวัดเเกว่งตัวไปมา
ผมว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่นักที่เธอทำเเบบนั้นเพราะพวกที่ติดยายิ่งอารมณ์เสียง่ายซะด้วย
"อย่าทำอะไรฉันเลย...เปล่าฉันไปเถอะ"เธอพูดทำเสียงสั่นเเละพลางดิ้นตัวไปมา
"อย่าขยับนักสิโว๊ย"ชายคนนั้นพูดจบก็ล็อคคอผู้หญิงคนนั้นเเน่นกว่าเดิม
"คุณผู้หญิงได้โปรดอย่ากลัวไปเลยครับทำใจให้สงบก่อน"ตำรวจพูดให้กับหญิงตัวประกันที่ดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวด 'ก็คงจะยาก'ท่าคนธรรมดาที่กำลังถูกจับล๊อคเเละดึงผมเเบบนั้น ไม่กลัวเลยก็คงไม่ใช่เเต่สำหรับตำรวจเเล้วคนที่กำลังติดยาอย่างหนักเเละเจอเเบบนี้เข้าคง
อารมร์เสียเเบบสุดๆ เเละในวินาทีชีวิตนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ทำในสิ่งที่น่ากลัวมี่สุด
เธอได้เอาศอกเล็กๆของเธอกระถุ้งเขาที่ท้องของชายที่ร่างใหญ่ เขาร้องด้วยความเจ็บปวดเเต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาปล่อยมือออกไปได้ นะวินาทีนั้นหน้าของผู้ชายก็ได้เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด เส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ฟันล่างกับฟันนบนที่ประกบกันอย่างเเน่น หน้าของตำรวจที่ถอดสี ในเสี้ยววินาทีที่ผู้ชายคนนั้นกำลังกดไกปืนทุกอย่างเเทบจะสโลว์ลงผู้คนที่กำลังจับจ้องไปที่สถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ จนไม่ได้ดูว่ามีกระบอกปืนสีดำที่ยื่นออกมาตรงหน้าเเถวที่เห็นเเค่ตัวปืนกับมือของคนจับปืน ปืนนั้นถูกยิงออกเเทบจะเสี้ยววิเเบบไม่ลังเลออกมาสองครั้งนัดเเรกวิ่งพุ่งไปที่ตัวปืนของชายผู้คลั่งยา
เสพติดเเละนัดที่สองวิ่งพุ่งลอดหว่างขาของผู้หญิงไปที่ขาของผู้ชายที่ห่างกันเเค่ไม่กี้เซน เสียงร้องของผู้ชายก็กู่ก้องกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นเเละเอามือปิดปากเเผล ทุกคนนิ่งอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้าเเละพอมองหาต้นตอของเสียงก็หาไม่เจอ หญิงที่ถูกจับล้มลงร้องไห้ด้วยความดีใจเเละหลังจากก็มีเด็กวิ่งออกมาจากกลุ่มคนที่
มุงดูเเละพุ่งเข้าไปกอดเเม่ของเขาด้วยน้ำตา ตำรวจที่กำลังยืนอึ้งอยู่ก็ได้สติ ก็บอกให้ตำรวจนายอื่นๆวิ่งเข้าไปรวบตัวคนร้ายเอาไว้ เเละหลังจากนั้นก็มีเสียงเฮของคนที่มุงดูร้องกันอย่างกึงก้อง ตำรวจนึกขึ้นได้ว่าคนที่ทำให้สามารถจับคนร้ายได้ไม่ใช่ตำรวจจึงตะโกนออกไป
"ใครเป็นคนยิงปืนครับ"ตำรวจได้หันไปถามกับเหล่าคนที่กำลังมุงดู
หลังจากนั้นก็มีปืนลอยออกมาจากกลุ่มเป็นปืน11มม.สีดำลอยตกตรงหน้าตำรวจมีกลิ่นดินปืนลอยออกมาจากปากกระบอกปืน หลังจากนั้นคนที่อยู่หน้าสุดก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ
"นั้นปืนผมนี่"
"คุณเป็นคนยิงหรอครับ"
"ไม่ใช่ผมเเน่นอนคุณตำรวจ ดูเหมือนว่าจะมีคนเเอบดึงปืนที่เหน็บไว้ตรงเอวผมไป"เขาพูดพร้อมกับจับที่เก็บปืนเเต่ก็ไม่มีปืนติดไว้เเละสายรัดปืนก็ขาดอยู่ เขาเเละตำรวจต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย
ความคิดเห็น